วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เศรษฐกิจ

"ปู" นั่งเป็นประธานประชุม กพช.ถกวาระสำคัญไฟเขียวแผนพีดีพี 2010 เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอีก 55,065 เมกะวัตต์ พร้อมเห็นชอบตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 แห่ง จากเดิม 4 แห่ง และพิจารณาแผนสำรองน้ำมันในไทย...

วันที่ 8 มิ.ย.2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช.โดยมีวาระพิจารณาสำคัญ 4 เรื่องหลัก คือ เรื่องแรกจะเป็นการขอความเห็นชอบแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ.2555-2573 หรือพีดีพี 2010 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 ซึ่งกำหนดให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เข้าระบบเพิ่มอีก 55,065 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ จะให้ที่ประชุม กพช.เห็นชอบกำหนดให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในแผนพีดีพีต่อไป แต่จะลดจำนวนลงเหลือ 2 แห่ง กำลังการผลิต 2,000 เมกะวัตต์ จากเดิมกำหนดไว้ 4 แห่ง กำลังการผลิต 4,000 เมกะวัตต์

เรื่องที่ 2 วาระแผนยุทธศาสตร์สำรองน้ำมันของประเทศไทยในระยะยาว ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ.จะเสนอผลการศึกษา โดยนำตัวอย่างแผนการสำรองน้ำมันของประเทศญี่ปุ่นมาเป็นต้นแบบการสำรอง ในเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศไทย จะกำหนดให้ต้องมีการสำรองน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปให้นำมาใช้ได้ทันทีหากฉุกเฉิน โดยจะเพิ่มสำรองน้ำมันของประเทศเป็น 90 วัน จากปัจจุบัน 60 วัน ซึ่งจะกำหนดให้ได้ว่าระหว่างรัฐกับเอกชนจะมีสัดส่วนการสำรองน้ำมันเป็นเท่าใด

ส่วนเรื่องที่ 3 จะขอความเห็นชอบในหลักการให้บริษัท ปตท.เป็นผู้ลงทุนการจัดหาและการให้บริการก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ในทุกกลุ่มผู้ใช้ วงเงินรวม 4.85 หมื่นล้านบาท และเรื่องสุดท้ายจะขอความเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.ลงนามในการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศลาว โครงการเซเบียนและเซน้ำน้อย แขวงจำปาสัก รับซื้อ 390 เมกะวัตต์

ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชีี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวเห็นด้วยกับแผนพีดีพี 2010 เนื่องจากเป็นการกระจายแหล่งเชื้อเพลิงอย่างเหมาะสม และเพิ่มปริมาณแหล่งไฟฟ้าให้เพิ่มมากขึ้น เพราะถ้าไม่เร่งดำเนินการ จะไม่สามารถแก้ปัญหาไฟฟ้าตกได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา ได้แถลงคัดค้านแผนพีดีพีดังกล่าว เพราะขัดกับมติคณะรัฐมนตรีที่ให้ประหยัดพลังงาน และจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยสูงถึง 4.56 บาท ในปี 2573

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น